หลายคนที่เคยฉีดฟิลเลอร์ อาจเคยเจอกับปัญหาฟิลเลอร์ไม่สลายหรืออยู่ในผิวนานกว่าที่ควรจะเป็น จนเกิดความกังวลว่าอันตรายหรือไม่ และควรทำอย่างไรต่อไปดีครับ ความจริงแล้วฟิลเลอร์ที่ไม่สลายอาจเกิดได้จากหลายสาเหตุ ไม่ว่าจะเป็นการใช้ฟิลเลอร์ปลอม ฟิลเลอร์ถาวร หรือแม้แต่การฉีดผิดชั้นผิว ซึ่งอาจทำให้เกิดก้อนหรือปัญหาอื่นๆ ตามมาได้ครับ บทความนี้จะพาไปเช็กให้ชัดว่าอาการแบบไหนที่ควรรีบแก้ และมีวิธีใดบ้างที่สามารถรักษาได้อย่างปลอดภัยครับ
ฟิลเลอร์ไม่สลายเกิดจากอะไร?
ฟิลเลอร์ไม่สลายอาจฟังดูน่ากังวล แต่จริงๆ แล้วสาเหตุหลักมักมาจากปัจจัยที่สามารถหลีกเลี่ยงได้หากได้รับการฉีดที่ถูกต้องและปลอดภัยครับ โดยสาเหตุที่พบบ่อย ได้แก่:
- ใช้ฟิลเลอร์ถาวร
ฟิลเลอร์บางประเภทไม่สามารถย่อยสลายได้ตามธรรมชาติ เช่น ซิลิโคนเหลว หรือฟิลเลอร์ถาวรที่ไม่ได้รับอนุญาตในประเทศไทย หากฉีดเข้าไปแล้วจะไม่สลายเอง และอาจสะสมในเนื้อเยื่อเป็นก้อนแข็ง ต้องใช้วิธีผ่าตัดหรือขูดออกเท่านั้น - ใช้ฟิลเลอร์ปลอม หรือไม่ได้มาตรฐาน
ฟิลเลอร์ที่ไม่ได้รับการรับรองจาก อย. หรือไม่ได้ผลิตจากไฮยาลูโรนิกแอซิด ที่บริสุทธิ์ อาจย่อยสลายไม่ได้หรือสลายไม่หมด ทำให้ตกค้างในผิวหนังและเสี่ยงอักเสบหรือเป็นก้อนได้ในระยะยาว - ฉีดฟิลเลอร์ผิดชั้นผิว
การฉีดฟิลเลอร์โดยแพทย์ที่ไม่มีประสบการณ์ อาจทำให้ฟิลเลอร์ถูกฉีดลึกหรือตื้นเกินไป ซึ่งส่งผลต่อการย่อยสลายของเนื้อฟิลเลอร์ และทำให้ฟิลเลอร์จับตัวกันเป็นก้อน หรือค้างอยู่ในตำแหน่งผิดปกติ - ร่างกายตอบสนองช้าต่อการย่อยสลาย
แม้จะใช้ฟิลเลอร์แท้ แต่ในบางคนฟิลเลอร์อาจสลายช้ากว่าปกติขึ้นอยู่กับระบบเผาผลาญและการไหลเวียนของเลือดในบริเวณที่ฉีด ซึ่งไม่ถือว่าอันตรายหากไม่มีอาการบวม อักเสบ หรือแข็งเป็นก้อน
ฟิลเลอร์ไม่สลาย อันตรายแค่ไหน?
ฟิลเลอร์ไม่สลายอาจไม่อันตรายในทันที แต่ถ้าปล่อยทิ้งไว้นานโดยไม่ตรวจเช็กหรือรักษาให้ถูกต้อง ก็อาจกลายเป็นปัญหาในระยะยาวได้ครับ โดยเฉพาะในกรณีที่ใช้ฟิลเลอร์ปลอม หรือฟิลเลอร์ถาวรที่ไม่สามารถย่อยสลายได้ตามธรรมชาติ ซึ่งอาจส่งผลให้เกิดก้อนแข็ง ใบหน้าบิดเบี้ยว หรือมีพังผืดสะสมใต้ผิวหนัง จนต้องรักษาด้วยการผ่าตัดหรือขูดออกเท่านั้น
ในบางกรณีที่รุนแรง ฟิลเลอร์ที่ไม่สลายอาจทำให้เกิดการอักเสบเรื้อรัง ติดเชื้อ หรือไหลไปยังบริเวณอื่นของใบหน้า เช่น ใต้ตา ร่องแก้ม หรือมุมปาก ซึ่งไม่เพียงทำให้รูปหน้าเปลี่ยน แต่ยังเสี่ยงต่อการอุดตันของหลอดเลือดและเนื้อตาย หากฉีดผิดตำแหน่งโดยไม่มีการควบคุมที่แม่นยำ
อย่างไรก็ตาม หากใช้ฟิลเลอร์แท้ที่เป็นไฮยาลูโรนิกแอซิดและฉีดโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ โอกาสที่ฟิลเลอร์จะไม่สลายหรือเกิดอันตรายถือว่าน้อยมากครับ สิ่งสำคัญคือหมั่นสังเกตความผิดปกติ และหากมีอาการผิดแปลก เช่น มีก้อนนูน ผิวเปลี่ยนสี หรือรู้สึกเจ็บ ควรรีบพบแพทย์ทันทีเพื่อประเมินและรักษาอย่างปลอดภัยครับ
อาการที่บ่งบอกว่าฟิลเลอร์ไม่สลาย มีอะไรบ้าง?
แม้ว่าฟิลเลอร์แท้ชนิดไฮยาลูโรนิกแอซิด จะสามารถย่อยสลายเองได้ตามธรรมชาติภายใน 6–18 เดือน แต่ในบางกรณีอาจเกิดภาวะฟิลเลอร์ไม่สลาย หรือย่อยสลายไม่หมด ซึ่งสังเกตได้จากอาการเหล่านี้ครับ:
- คลำเจอก้อนแข็งใต้ผิวหนัง
หากผ่านไปหลายเดือนแล้วยังคลำเจอก้อนแข็งๆ หรือนูนผิดปกติในบริเวณที่เคยฉีด อาจเกิดจากฟิลเลอร์ตกค้างหรือจับตัวกันเป็นก้อน โดยเฉพาะหากก้อนนั้นไม่เคลื่อนตัวหรือรู้สึกตึงเมื่อสัมผัส - ใบหน้าไม่สมมาตรหรือผิดรูปแม้เวลาผ่านไปนานแล้ว
ฟิลเลอร์ที่ไม่สลายอาจทำให้รูปหน้าดูไม่สมดุล เช่น ข้างหนึ่งนูนกว่าปกติ หรือมีการเปลี่ยนแปลงที่เห็นได้ชัดเมื่อแสดงสีหน้า ซึ่งต่างจากอาการบวมในช่วงหลังฉีดที่มักหายได้เอง - มีอาการอักเสบเรื้อรัง บวมแดง เจ็บ หรือปวดเป็นช่วงๆ
ฟิลเลอร์ที่ค้างอยู่ในเนื้อเยื่ออาจกระตุ้นการอักเสบของร่างกาย ทำให้เกิดอาการบวมแดงเป็นระยะ แม้จะฉีดมานานแล้วก็ตาม บางคนอาจมีอาการคล้ายภูมิแพ้เฉพาะจุด - เนื้อเยื่อรอบฟิลเลอร์เปลี่ยนสีหรือผิวดูไม่เรียบเนียน
ผิวหนังที่ดูเป็นคลื่น เป็นเงา หรือมีรอยยุบย่นผิดปกติ อาจเกิดจากฟิลเลอร์ค้างอยู่ใต้ผิวในตำแหน่งที่ไม่เหมาะสม โดยเฉพาะหากเคยฉีดบริเวณใต้ตาหรือร่องแก้ม
หากมีอาการเหล่านี้ แนะนำให้เข้ารับการประเมินกับแพทย์เฉพาะทางทันที เพื่อวินิจฉัยว่าเป็นฟิลเลอร์ไม่สลายจริงหรือไม่ และควรใช้วิธีไหนในการแก้ไข
ฟิลเลอร์สลายได้เองไหม?
คำตอบคือสลายได้ครับ แต่ขึ้นอยู่กับชนิดของฟิลเลอร์ที่ใช้ด้วยครับ หากเป็นฟิลเลอร์ชนิดไฮยาลูโรนิกแอซิด ซึ่งเป็นฟิลเลอร์ที่ได้รับความนิยมและผ่านการรับรองจาก อย. จะสามารถย่อยสลายได้เองตามธรรมชาติ เพราะไฮยาลูโรนิกแอซิดเป็นสารที่มีอยู่ในร่างกายของเราอยู่แล้ว ร่างกายจึงสามารถดูดซึมและกำจัดออกได้โดยไม่ทิ้งสารตกค้าง โดยทั่วไปจะอยู่ได้ประมาณ 6 เดือน ถึง 1 ปี ขึ้นอยู่กับยี่ห้อ พื้นที่ที่ฉีด และการดูแลหลังฉีดของแต่ละคนครับ
แต่ถ้าเป็นฟิลเลอร์ชนิดถาวร เช่น ซิลิโคนเหลว หรือฟิลเลอร์ที่ไม่ได้มาตรฐาน ฟิลเลอร์เหล่านี้จะไม่สามารถย่อยสลายได้เอง และอาจก่อให้เกิดปัญหาในระยะยาว เช่น เป็นก้อนแข็ง ใบหน้าผิดรูป หรืออักเสบเรื้อรัง ซึ่งจำเป็นต้องรักษาด้วยการขูดออกหรือผ่าตัดโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเท่านั้นครับ
สลายฟิลเลอร์อย่างไรดี?
การสลายฟิลเลอร์มีหลายวิธี ขึ้นอยู่กับชนิดของฟิลเลอร์ที่ใช้ อาการที่เกิดขึ้น และคำแนะนำของแพทย์ครับ โดยทั่วไปจะแบ่งเป็น 3 วิธีหลัก ได้แก่ การฉีดสลาย ขูดออก และผ่าตัด ซึ่งแต่ละวิธีมีข้อดีและข้อควรระวังแตกต่างกันไป ดังนี้:
1. ฉีดสลายฟิลเลอร์
หากใช้ฟิลเลอร์ประเภทไฮยาลูโรนิกแอซิด ซึ่งเป็นฟิลเลอร์แท้ที่สลายเองได้ตามธรรมชาติ การฉีดสลายถือเป็นวิธีที่ปลอดภัยและนิยมมากที่สุด แพทย์จะใช้เอนไซม์ไฮยาลูโรนิเดส ฉีดเข้าไปในจุดที่ต้องการสลาย ฟิลเลอร์จะเริ่มยุบตัวภายในไม่กี่ชั่วโมง และสลายหมดภายใน 1–3 วัน เหมาะสำหรับเคสที่เกิดก้อนนูน ผิดรูป หรือฉีดแล้วไม่พอใจผลลัพธ์
ข้อดี: ไม่ต้องผ่าตัด เห็นผลเร็ว เจ็บน้อย
ข้อควรระวัง: ต้องทำโดยแพทย์ที่ชำนาญ เพราะเอนไซม์สามารถละลายเนื้อเยื่อรอบข้างได้หากใช้ไม่ถูกจุด
2. ขูดฟิลเลอร์
ใช้ในกรณีที่ฟิลเลอร์เป็นก้อนแข็งอยู่ใต้ผิว หรือกรณีที่ใช้ฟิลเลอร์ปลอมที่ไม่สามารถฉีดสลายได้ วิธีนี้แพทย์จะทำการเปิดแผลเล็กๆ เพื่อขูดเนื้อฟิลเลอร์ออกจากตำแหน่งที่ฝังตัวอยู่
ข้อดี: สามารถนำฟิลเลอร์ออกได้ค่อนข้างหมด
ข้อควรระวัง: มีแผล ต้องพักฟื้น และอาจมีรอยช้ำหรือบวมหลังทำ
3. ผ่าตัดสลายฟิลเลอร์
ใช้ในกรณีที่ฟิลเลอร์ชนิดถาวรฝังลึก หรือมีการกระจายตัวในบริเวณกว้าง เช่น ซิลิโคนเหลว หรือฟิลเลอร์ปลอมที่ก่อให้เกิดพังผืด วิธีนี้จำเป็นต้องใช้การผ่าตัดเอาฟิลเลอร์ออก โดยเฉพาะกรณีที่มีภาวะแทรกซ้อน เช่น การอักเสบเรื้อรัง หรือเสี่ยงต่อเนื้อตาย
ข้อดี: เหมาะสำหรับเคสรุนแรงที่ไม่สามารถใช้วิธีอื่นได้
ข้อควรระวัง: มีรอยแผล ผ่าตัดใหญ่กว่าวิธีอื่น และใช้เวลาฟื้นตัวนาน
วิธีป้องกันไม่ให้พบปัญหาฟิลเลอร์ไม่สลาย
ฟิลเลอร์ไม่สลายเป็นปัญหาที่หลายคนกังวล เพราะอาจตามมาด้วยอาการบวมเป็นก้อน ใบหน้าผิดรูป หรือในบางกรณีอาจต้องขูดหรือผ่าตัดออก ซึ่งสร้างทั้งความไม่มั่นใจและความเสี่ยงต่อสุขภาพผิวครับ แต่ข่าวดีคือ ปัญหาเหล่านี้สามารถป้องกันได้ หากมีการเตรียมตัวและเลือกคลินิกอย่างถูกต้อง ดังนี้:
- เลือกใช้ฟิลเลอร์ชนิดไฮยาลูโรนิกแอซิด ที่ผ่าน อย.
ฟิลเลอร์ไฮยาลูโรนิกแอซิด เป็นชนิดที่ปลอดภัยที่สุด เพราะสามารถสลายเองได้ตามธรรมชาติ และสามารถฉีดสลายได้ง่ายหากต้องการแก้ไข ควรหลีกเลี่ยงฟิลเลอร์ถาวรหรือซิลิโคนเหลวที่ไม่สามารถย่อยสลายเองได้ และมีความเสี่ยงต่อการอักเสบหรือเป็นพังผืดในระยะยาว - ตรวจสอบให้แน่ใจว่าเป็นฟิลเลอร์แท้
ก่อนฉีดควรขอดูกล่องฟิลเลอร์ หมายเลขล็อต และวันหมดอายุ และให้แพทย์แกะกล่องใหม่ต่อหน้า เพื่อป้องกันการใช้ของปลอม ซึ่งอาจมีสารปนเปื้อนหรือไม่สามารถสลายได้ ทำให้เกิดปัญหาตามมาในอนาคต - ฉีดกับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญและมีประสบการณ์
แพทย์ที่มีความชำนาญจะรู้ว่าควรฉีดในชั้นผิวใด ปริมาณเท่าไหร่ และตำแหน่งไหนเพื่อให้ฟิลเลอร์เข้ารูปและสลายได้ตามธรรมชาติ การฉีดผิดชั้น เช่น ลึกเกินไปหรือตื้นเกินไป อาจทำให้ฟิลเลอร์สะสมและย่อยสลายยากขึ้น - หลีกเลี่ยงคลินิกราคาถูกผิดปกติ
อย่าเลือกฉีดฟิลเลอร์เพียงเพราะราคาถูก เพราะมักมีความเสี่ยงที่จะใช้ฟิลเลอร์ไม่ได้มาตรฐาน หรือทำโดยผู้ที่ไม่ใช่แพทย์จริง ซึ่งอาจฉีดผิดเทคนิคและทำให้ฟิลเลอร์ไม่สลาย หรือเกิดภาวะแทรกซ้อนอื่นๆ ได้ - ดูแลตัวเองหลังฉีดอย่างถูกวิธี
หลังฉีดควรหลีกเลี่ยงการกด นวด หรือสัมผัสบริเวณที่ฉีดแรงๆ และควรหลีกเลี่ยงแอลกอฮอล์ ความร้อนจัด และอาหารหมักดองในช่วง 2–3 วันแรก เพื่อป้องกันการบวมหรือฟิลเลอร์เคลื่อนที่ ซึ่งอาจทำให้เซ็ตตัวผิดตำแหน่งและไม่สลายตามปกติ
ทำไมต้องฉีดฟิลเลอร์กับ 42G?
การฉีดฟิลเลอร์ให้สวยดูเป็นธรรมชาติ ไม่ใช่แค่เรื่องของตัวยา แต่ต้องอาศัยประสบการณ์ของแพทย์ ความเข้าใจในสัดส่วนของใบหน้า และความปลอดภัยเป็นสำคัญ ที่ 42G เราให้ความสำคัญกับรายละเอียดทุกขั้นตอน ตั้งแต่การประเมินปัญหาเฉพาะบุคคล ไปจนถึงการเลือกเทคนิคฉีดที่เหมาะกับโครงหน้า เพื่อให้ผลลัพธ์ออกมาสมดุลและกลมกลืนกับหน้าจริง ไม่ดูแข็งหรือหลอกตา
เราใช้เฉพาะฟิลเลอร์แท้เกรดพรีเมียมที่ผ่านการรับรองจากทั้ง อย. ไทยและต่างประเทศ พร้อมแกะกล่องใหม่ให้คนไข้ดูต่อหน้าทุกครั้ง เพื่อให้มั่นใจได้ว่าไม่มีการใช้ของปลอมปะปนแน่นอน แถมยังดูแลหลังฉีดอย่างใกล้ชิด มีติดตามผลให้ และให้คำแนะนำการดูแลตัวเองแบบเข้าใจง่าย
ถ้าคุณอยากฉีดฟิลเลอร์ให้ได้ผลลัพธ์สวยพร้อมความมั่นใจเรื่องความปลอดภัย 42G พร้อมดูแลคุณอย่างใส่ใจทุกเคสครับ
คำถามที่พบบ่อย
ฟิลเลอร์เดิมไม่สลาย ฉีดใหม่เติมไปได้ไหม
ถ้ายังมีฟิลเลอร์เดิมค้างอยู่และไม่มีปัญหา เช่น เป็นก้อนหรือผิดรูป สามารถเติมฟิลเลอร์ใหม่ได้ครับ แต่ควรให้แพทย์ประเมินก่อนทุกครั้ง เพื่อให้แน่ใจว่าไม่ฉีดซ้ำในจุดที่เสี่ยงต่อการบวมหรือสะสมมากเกินไป
ฉีดสลายฟิลเลอร์หายหมดไหม
หากเป็นฟิลเลอร์ประเภทไฮยาลูโรนิกแอซิดแท้ การฉีดสลายด้วยไฮยาลูโรนิเดส จะสามารถสลายได้หมดใน 1–3 วันครับ แต่บางเคสที่ฟิลเลอร์จับตัวแน่นหรือฉีดผิดชั้น อาจต้องฉีดมากกว่า 1 ครั้ง
ฉีดสลายฟิลเลอร์อันตรายไหม
การฉีดสลายฟิลเลอร์ไม่อันตราย ถ้าทำโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญและใช้ปริมาณเอนไซม์ที่เหมาะสมครับ แต่อาจมีอาการบวม แดง หรือระคายเคืองเล็กน้อยหลังฉีด ซึ่งมักหายได้เองในไม่กี่วัน
ถ้ากินอาหารร้อนๆ จะช่วยให้ฟิลเลอร์สลายเร็วขึ้นไหม
ไม่จริงครับ ฟิลเลอร์ไม่ได้สลายด้วยความร้อนจากอาหาร การกินของร้อนอาจทำให้บวมมากขึ้นในช่วงแรกหลังฉีดด้วยซ้ำ ควรงดของร้อนจัด 1–2 วันแรกจะดีกว่า
ฉีดสลายฟิลเลอร์แล้วหน้าจะเหี่ยวลงไหม
ในบางกรณีอาจรู้สึกว่าหน้าดูยุบลงเพราะฟิลเลอร์ที่เคยเติมหายไป แต่ไม่ใช่การเหี่ยวถาวรครับ หากต้องการสามารถฉีดฟิลเลอร์ใหม่หลังจากรอให้ผิวกลับมาสมดุลประมาณ 1–2 สัปดาห์
ฉีดฟิลเลอร์ปลอมแล้วฉีดสลายฟิลเลอร์ได้ไหม
หากฟิลเลอร์ที่ใช้ไม่ใช่ไฮยาลูโรนิกแอซิด เช่น ซิลิโคนเหลวหรือฟิลเลอร์ปลอม เอนไซม์ไฮยาลูโรนิเดส จะไม่สามารถละลายได้ครับ จำเป็นต้องรักษาด้วยการผ่าตัดหรือขูดออกโดยแพทย์เท่านั้น
ฉีดฟิลเลอร์แล้วบวม ต้องสลายไหม
อาการบวมหลังฉีดเป็นเรื่องปกติและจะค่อยๆ ยุบภายใน 3–5 วันครับ ไม่จำเป็นต้องสลายทันที เว้นแต่มีอาการบวมผิดปกติ แดงร้อน หรือเป็นก้อนแข็ง ควรให้แพทย์ตรวจเช็กก่อนตัดสินใจ
ฉีดสลายฟิลเลอร์ที่ไหนดี
แนะนำให้ฉีดกับคลินิกที่มีแพทย์เฉพาะทางด้านผิวหนังหรือความงาม และมีประสบการณ์เรื่องฟิลเลอร์โดยตรง เช่น ที่ 42G ซึ่งใช้ตัวยาสลายฟิลเลอร์แท้ มีการประเมินใบหน้าอย่างละเอียดก่อนทำทุกเคสครับ
สนใจปลูกผมถาวร: 42G Clinic ปลูกผม