ฟิลเลอร์คืออะไร?
ฟิลเลอร์ ที่ใช้กันทั่วไปคือสารไฮยาลูรอน ซึ่งเป็นสารที่มีอยู่ตามธรรมชาติในร่างกาย มีคุณสมบัติกักเก็บน้ำได้ดี ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นและความยืดหยุ่นให้ผิว เมื่อฉีดเข้าสู่ผิวจึงช่วยเติมเต็มและยกกระชับได้ทันที
บทความน่าสนใจ เติมไขมันหน้า vs ฉีดฟิลเลอร์ แบบไหนเห็นผลดีกว่า แบบไหนเหมาะกับเรา
ฉีดฟิลเลอร์แต่ละจุดควรใช้กี่ CC
จุดที่ฉีดฟิลเลอร์ | ปริมาณที่แนะนำ (โดยเฉลี่ย) |
ใต้ตา | 1 – 2 CC |
ร่องแก้ม | 1 – 2 CC |
แก้ม | 2 – 4 CC (ทั้ง 2 ข้าง) |
คาง | 1 – 2 CC |
หน้าผาก | 2 – 5 CC |
ขมับ | 2 – 4 CC (ทั้ง 2 ข้าง) |
ริมฝีปาก | 0.5 – 1 CC |
จมูก (เสริมทรง) | 1 – 2 CC |
กรอบหน้า / Jawline | 2 – 4 CC |
💡 หมายเหตุ:
- ปริมาณที่ใช้อาจมากหรือน้อยกว่านี้ ขึ้นอยู่กับสภาพผิว โครงสร้างใบหน้า และ ความต้องการของแต่ละบุคคล
- หากเป็นเคสปรับรูปหน้าโดยรวม อาจใช้ฟิลเลอร์รวมกันหลายจุด เช่น 5 – 10 CC ขึ้นไป
- ควรเลือกฉีดกับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เพื่อความปลอดภัยและผลลัพธ์ที่ดูเป็นธรรมชาติ
ฉีดฟิลเลอร์มากเกินไป คืออะไร?
การฉีดฟิลเลอร์มากเกินไป คือการเติมฟิลเลอร์ในปริมาณที่เกินความพอดี จนทำให้ใบหน้าดูบวม แข็ง หรือผิดรูปได้โดยไม่ตั้งใจ สาเหตุส่วนใหญ่มักมาจากการฉีดซ้ำบ่อยเกินไปโดยไม่รอให้ฟิลเลอร์เดิมสลาย หรือการฉีดกับผู้ที่ไม่มีประสบการณ์ ส่งผลให้รูปหน้าไม่สมส่วนและดูไม่เป็นธรรมชาติ หากรู้สึกว่าฉีดแล้วหน้าดูเปลี่ยนเกินไป แนะนำให้รีบปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อประเมินและแก้ไขอย่างเหมาะสมนะครับ เพราะฟิลเลอร์แบบไฮยาลูรอน สามารถฉีดสลายได้อย่างปลอดภัยครับ
ฉีดฟิลเลอร์มากเกินไป เกิดจากอะไร?
ฉีดมากเกินความพอดีของโครงหน้า
บางครั้งแพทย์หรือผู้ฉีดเติมฟิลเลอร์มากเกินความจำเป็น ทำให้ใบหน้าดูโป่ง บวม หรือไม่สมดุล
ควรให้แพทย์ประเมินรูปหน้าอย่างละเอียดก่อนฉีด เพื่อเติมให้พอดีกับสัดส่วนใบหน้า
ฉีดซ้ำหลายรอบโดยไม่รอให้ฟิลเลอร์เก่าสลาย
เมื่อฉีดฟิลเลอร์ใหม่ทับของเก่าที่ยังไม่สลายดี อาจเกิดการสะสมจนหน้าดูบวมและผิดรูป
ควรเว้นระยะห่างให้เหมาะสม และให้แพทย์เช็กปริมาณฟิลเลอร์เดิมก่อนเติมเพิ่ม
อยากเห็นผลชัดเจน จึงขอเติมเพิ่มทันที
หลายคนกลัวว่าฉีดน้อยจะไม่เห็นผล จึงขอเติมทันทีหลังทำจนเกินปริมาณที่เหมาะสม
วิธีที่ดีกว่าคือรอให้ฟิลเลอร์เซ็ตตัว 1–2 สัปดาห์ แล้วค่อยประเมินใหม่ว่าควรเติมอีกหรือไม่
ฉีดกับผู้ไม่มีประสบการณ์หรือหมอกระเป๋า
ผู้ที่ไม่ใช่แพทย์หรือไม่มีความชำนาญ อาจใช้เทคนิคไม่ถูกต้องและเติมในจุดที่ไม่ควรเติม
ควรเลือกฉีดกับคลินิกที่ได้มาตรฐาน ใช้ฟิลเลอร์แท้ และมีแพทย์ประสบการณ์สูงเท่านั้น
ไม่เข้าใจว่าจุดไหนควรใช้กี่ CC
บางจุดเช่น ใต้ตา หรือริมฝีปาก ใช้ฟิลเลอร์ในปริมาณน้อยมาก แต่กลับเติมเกินเพราะคิดว่ายิ่งเยอะยิ่งดี
ให้แพทย์ช่วยวางแผนปริมาณที่เหมาะสมกับแต่ละตำแหน่งจะปลอดภัยและดูธรรมชาติกว่า
ฟิลเลอร์สะสม ทำให้ใบหน้าดูผิดรูปเมื่อเวลาผ่านไป
แม้จะไม่ฉีดในครั้งเดียวมากเกินไป แต่การสะสมของฟิลเลอร์ที่ไม่สลายดีอาจทำให้รูปหน้าบิดเบี้ยวในระยะยาว ทางแก้คือตรวจเช็กกับแพทย์ และหากจำเป็นสามารถใช้เอนไซม์ไฮยาลูโรนิเดส สลายบางส่วนออกได้
บทความน่าสนใจ ฉีดฟิลเลอร์แล้วตาบอด เกิดขึ้นได้จริงไหม และมีวิธีป้องกันอย่างไร?
ฉีดฟิลเลอร์มากเกินไป อันตรายไหม?
การฉีดฟิลเลอร์มากเกินไป จริง ๆ แล้วอาจเป็นอันตรายได้ครับ โดยเฉพาะถ้าฉีดกับคนที่ไม่มีประสบการณ์ หรือใช้ฟิลเลอร์ที่ไม่ได้มาตรฐาน เพราะอาจทำให้เกิดการอุดตันของหลอดเลือด จนเนื้อเยื่อตายหรือเกิดการอักเสบตามมาได้ อีกทั้งการเติมฟิลเลอร์ในปริมาณที่มากเกินไป ยังทำให้รูปหน้าดูบวม ผิดรูป หรือแข็งตึงจนไม่เป็นธรรมชาติ เช่น แก้มป่อง คางยาวเกิน หรือหน้าผากโป่ง ซึ่งหลายครั้งอาจต้องใช้เวลาและการแก้ไขหลายรอบเลยครับ
แต่ถ้าเป็นฟิลเลอร์ชนิดไฮยาลูรอนยังพอมีทางแก้ เพราะสามารถฉีดเอนไซม์เพื่อสลายออกได้อย่างปลอดภัย ภายใต้การดูแลของแพทย์ที่มีประสบการณ์ครับ เพราะฉะนั้นเพื่อความปลอดภัยในระยะยาว แนะนำให้เลือกคลินิกที่ได้มาตรฐาน ใช้ฟิลเลอร์แท้ และมีแพทย์ประเมินรูปหน้าอย่างเหมาะสมก่อนฉีด จะช่วยให้ได้ผลลัพธ์ที่ดูดี เป็นธรรมชาติ และมั่นใจได้ครับ
บทความน่าสนใจ ฉีดไขมันหน้า อันตรายไหม เจาะลึก ข้อดี ข้อเสียของการฉีดไขมันหน้า
หน้าเบี้ยว เพราะฉีดฟิลเลอร์เกินขนาด มีลักษณะอย่างไร?
การฉีดฟิลเลอร์เกินขนาดสามารถก่อให้เกิดความไม่สมมาตรของใบหน้า หรือที่เรียกว่า “หน้าเบี้ยว” ซึ่งมีลักษณะสำคัญดังต่อไปนี้:
ลักษณะทั่วไปของหน้าเบี้ยวจากฟิลเลอร์เกินขนาด
1. ความไม่สมดุลที่เห็นได้ชัด
- ข้างหนึ่งอิ่มเกินไป: ใบหน้าด้านที่ได้รับฟิลเลอร์มากเกินไปจะดูอิ่ม พองโต และขาดความเป็นธรรมชาติ
- ความแตกต่างของรูปทรง: เมื่อมองจากด้านหน้า จะเห็นความแตกต่างของรูปทรงระหว่างซีกซ้ายและขวาของใบหน้า
- กรอบหน้าผิดรูป: เส้นกรอบหน้าไม่เท่ากันทั้งสองข้าง
2. ลักษณะเฉพาะตามบริเวณที่ฉีด
- โหนกแก้ม: แก้มข้างหนึ่งอาจดูสูงหรือนูนกว่าอีกข้าง ทำให้ใบหน้าขาดความสมดุล
- ริมฝีปาก: ริมฝีปากอาจบวมไม่เท่ากัน มุมปากอาจยกไม่เท่ากัน หรือรูปทรงปากไม่สมมาตร
- ร่องแก้ม: ความลึกของร่องแก้มทั้งสองข้างไม่เท่ากัน ทำให้ใบหน้าดูเบี้ยว
- คาง: คางอาจดูเอียงไปข้างใดข้างหนึ่ง หรือมีความนูนไม่สม่ำเสมอ
3. ปัญหาที่เกิดขึ้นเมื่อแสดงอารมณ์
- รอยยิ้มไม่สมมาตร: เมื่อยิ้ม กล้ามเนื้อใบหน้าอาจทำงานไม่เท่ากัน ทำให้รอยยิ้มดูเบี้ยว
- การแสดงอารมณ์ผิดปกติ: อาจพบความผิดปกติในการแสดงอารมณ์บนใบหน้า เช่น การยกคิ้ว การขมวดคิ้ว
- ความตึงไม่เท่ากัน: เมื่อพูดหรือแสดงสีหน้า จะรู้สึกถึงความตึงที่ไม่เท่ากันของกล้ามเนื้อใบหน้า
4. ลักษณะทางกายภาพอื่นๆ
- ก้อนนูนผิดปกติ: อาจมีก้อนนูนที่สามารถมองเห็นหรือสัมผัสได้ใต้ผิวหนัง
- ผิวบริเวณที่ฉีดตึงเกินไป: ผิวหนังอาจดูตึงผิดธรรมชาติ ขาดความยืดหยุ่น
- การเคลื่อนที่ของฟิลเลอร์: ฟิลเลอร์อาจเคลื่อนที่จากตำแหน่งเดิม ทำให้เกิดความไม่สมมาตร
หน้าเบี้ยว เพราะฉีดฟิลเลอร์เกินขนาด มีวิธีแก้ไขอย่างไร?
วิธีการแก้ไขทางการแพทย์
1. การฉีดสารสลายฟิลเลอร์ (ไฮยาลูโรนิเดส)
- เหมาะสำหรับ: ฟิลเลอร์ประเภทกรดไฮยาลูรอนิก
- กระบวนการ: แพทย์จะฉีดเอนไซม์ไฮยาลูโรนิเดส เพื่อสลายฟิลเลอร์ในบริเวณที่มากเกินไป
- ระยะเวลา: เห็นผลภายใน 24-48 ชั่วโมง
- ข้อควรระวัง: ควรทดสอบการแพ้ก่อนการรักษา เพราะบางคนอาจแพ้เอนไซม์นี้
2. การนวดและปรับรูปทรง
- เหมาะสำหรับ: กรณีที่ฟิลเลอร์เพิ่งฉีดและยังไม่เซ็ตตัว (ภายใน 1-2 สัปดาห์)
- กระบวนการ: แพทย์จะใช้เทคนิคการนวดเพื่อกระจายและปรับแต่งฟิลเลอร์ให้สมดุล
- ข้อควรระวัง: ต้องทำโดยผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น เพื่อป้องกันการเคลื่อนที่ของฟิลเลอร์ไปยังบริเวณที่ไม่ต้องการ
3. การฉีดเพิ่มในด้านที่น้อยกว่า
- เหมาะสำหรับ: กรณีที่ความไม่สมมาตรเกิดจากการฉีดน้อยเกินไปในอีกด้าน
- กระบวนการ: แพทย์จะฉีดฟิลเลอร์เพิ่มในด้านที่น้อยกว่าเพื่อสร้างความสมดุล
- ข้อควรระวัง: ต้องพิจารณาอย่างระมัดระวังว่าปัญหาเกิดจากการฉีดน้อยเกินไปจริงๆ ไม่ใช่อีกด้านมากเกินไป
4. การขูดฟิลเลอร์
- เหมาะสำหรับ: ฟิลเลอร์ถาวรหรือกึ่งถาวรที่ไม่สามารถสลายด้วยไฮยาลูโรนิเดส ได้
- กระบวนการ: เป็นหัตถการทางศัลยกรรมเล็ก โดยแพทย์จะเจาะผิวหนังเพื่อนำฟิลเลอร์ออก
- ข้อควรระวัง: มีความเสี่ยงต่อการเกิดแผลเป็นและการติดเชื้อ
ฉีดฟิลเลอร์ที่ 42G Clinic ดีอย่างไร?
วิเคราะห์ใบหน้าอย่างละเอียด
ที่ 42G Clinic เราให้ความสำคัญกับการวิเคราะห์ใบหน้าแบบเฉพาะบุคคล เพราะใบหน้าของแต่ละคนมีโครงสร้างที่แตกต่างกัน ทั้งเรื่องสัดส่วน ความสมดุล และปัญหาเฉพาะจุด เช่น ร่องใต้ตา ร่องแก้ม หรือคาง การเริ่มต้นด้วยการประเมินอย่างแม่นยำ จะช่วยให้ผลลัพธ์ดูละมุนและเป็นธรรมชาติที่สุดครับ
วิเคราะห์แผนการรักษา: จำนวน CC จุดฉีด และรุ่นฟิลเลอร์ที่เหมาะสม
แพทย์จะวางแผนการรักษาให้เหมาะกับใบหน้าและความต้องการของแต่ละคน ไม่เติมแบบเหมารวม แต่จะคำนวณปริมาณ CC อย่างพอดี เลือกจุดฉีดที่จำเป็น และใช้ฟิลเลอร์รุ่นที่เหมาะกับเนื้อผิว เช่น หากฉีดบริเวณปาก เราเลือกใช้ ฟิลเลอร์ปากเกรดดีที่สุดจาก USA ที่มีคุณสมบัติพิเศษคือ
⭐️ เนื้อเนียนละเอียด ไม่เป็นก้อน
⭐️ ช่วยเพิ่มวอลุ่ม ให้ริมฝีปากดูฟู อวบอิ่ม สีอมชมพูดูสุขภาพดี
⭐️ เป็นไฮยาลูรอน ซึ่งเป็นสารธรรมชาติ ปลอดภัย ย่อยสลายได้ 100%
⭐️ ผ่านการรับรองจาก อย. ทั้งในไทยและสหรัฐอเมริกา
⭐️ อยู่ได้นานประมาณ 1 ปี เหมาะสำหรับคนที่อยากได้ผลลัพธ์สวยในระยะยาวครับ
วิเคราะห์เทคนิคฟิลเลอร์
การฉีดฟิลเลอร์ที่ 42G Clinic ไม่ได้ใช้เทคนิคทั่วไป แต่ใช้เทคนิคเฉพาะทางที่ช่วยลดโอกาสเกิดรอยช้ำและบวม ทำให้ฟิลเลอร์กระจายตัวสม่ำเสมอ ไม่เป็นก้อน ผลลัพธ์ที่ได้จะดูนุ่มนวล ไม่แข็ง ไม่โป๊ะ ที่สำคัญคือปรับให้เข้ากับมิติหน้าได้อย่างเป็นธรรมชาติ
ใช้ฟิลเลอร์แท้ ผ่านมาตรฐาน อย.
เราคัดสรรเฉพาะฟิลเลอร์ที่ผ่านมาตรฐานจาก อย. ไทยและต่างประเทศ เช่น Juvederm, Restylane และ Belotero ทุกชิ้นสามารถตรวจสอบได้ มี lot number ชัดเจน ไม่มีของปลอม ไม่มีของหิ้วแน่นอนครับ
คลินิกสะอาด ปลอดเชื้อ ได้มาตรฐาน
พื้นที่ภายในคลินิกสะอาด ปลอดภัย เครื่องมือและอุปกรณ์ผ่านการฆ่าเชื้ออย่างเข้มงวด บรรยากาศโปร่ง โล่ง ไม่แออัด ให้ความรู้สึกสบายและมั่นใจตลอดกระบวนการครับ
ฉีดโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น
ที่นี่ไม่มีหมอกระเป๋าหรือผู้ช่วยฉีดแทนแน่นอนครับ ทุกเคสดูแลโดยแพทย์ที่มีประสบการณ์ด้านฟิลเลอร์โดยเฉพาะ แพทย์จะดูแลตั้งแต่ขั้นตอนประเมิน วิเคราะห์ วางแผน ไปจนถึงติดตามผลหลังฉีด เพื่อให้ผลลัพธ์ออกมาดีที่สุด และปลอดภัยในระยะยาว
สรุป
ถ้าฉีดฟิลเลอร์แล้วหน้าเบี้ยว ไม่ต้องตกใจไปนะครับ เรื่องนี้สามารถแก้ไขได้! วิธีที่ปลอดภัยคือให้คุณหมอช่วยประเมินก่อนว่าเกิดจากอะไร แล้วค่อยพิจารณาว่าควรฉีดสลายบางส่วนด้วยเอนไซม์ไฮยาลูโรนิเดสหรือปรับรูปหน้าใหม่ให้สมดุลมากขึ้น ที่สำคัญคืออย่าเพิ่งฉีดเพิ่มเอง หรือแก้ไขโดยคนที่ไม่ใช่แพทย์ เพราะอาจยิ่งทำให้ปัญหาหนักกว่าเดิมครับ
สนใจปลูกผมถาวร: 42G Clinic ปลูกผม