เคยสงสัยกันไหมว่าหลังฉีดโปรแกรมฟิลเลอร์ปาก อาการบวมจะอยู่กับเรานานแค่ไหน? อาการบวมหลังทำโปรแกรมฟิลเลอร์ปากเป็นเรื่องปกติที่ใครๆ ก็ต้องเจอ แต่ไม่ต้องกังวลนะครับ! บทความนี้จะมาเล่าให้ฟังว่าปากบวมหลังฉีดโปรแกรมฟิลเลอร์จะหายในกี่วัน พร้อมแนะนำทริคง่ายๆ ที่จะช่วยให้อาการบวมหายเร็วขึ้น เพื่อให้คุณได้อวดริมฝีปากสวยๆ ได้เร็วที่สุด!
ฉีดโปรแกรมฟิลเลอร์ปากบวมกี่วัน?
โดยปกติแล้ว หลังฉีดโปรแกรมฟิลเลอร์ปากจะมีอาการบวมประมาณ 3–7 วัน ครับ ซึ่งในช่วง 1–2 วันแรกจะบวมชัดที่สุด จากนั้นอาการจะค่อยๆ ลดลง และปากจะเริ่มเข้าที่ในช่วงประมาณสัปดาห์แรก ส่วนผลลัพธ์ที่ดูเป็นธรรมชาติเต็มที่ จะเห็นชัดเจนหลังประมาณ 2 สัปดาห์ครับ อย่างไรก็ตาม ระยะเวลาที่บวมอาจแตกต่างกันไปในแต่ละคน ขึ้นอยู่กับปริมาณโปรแกรมฟิลเลอร์ที่ฉีด เทคนิคของแพทย์ และการดูแลหลังทำด้วยนะครับ
บทความน่าสนใจ ฉีดฟิลเลอร์ปากแล้วเป็นก้อน บวม ไม่สวย แก้อย่างไรได้บ้าง 2025
ฉีดโปรแกรมฟิลเลอร์แล้วปากบวมมีลักษณะอย่างไร
อาการปากบวมหลังฉีดโปรแกรมฟิลเลอร์เป็นอาการที่พบได้บ่อยในช่วง 1-3 วันแรกหลังทำ และส่วนมากจะค่อยๆ ดีขึ้นเอง แต่ถ้าอาการรุนแรงหรือไม่ดีขึ้น อาจเป็นสัญญาณของปัญหาได้
ลักษณะของอาการปากบวมหลังฉีดโปรแกรมฟิลเลอร์
- บวมเล็กน้อยถึงปานกลาง:
- พบบ่อยหลังฉีดภายใน 24 ชั่วโมงแรก
- ปากจะดูตึง ๆ หรือใหญ่กว่าปกติ
- เป็นอาการชั่วคราวจากการอักเสบของเนื้อเยื่อหรือจากการใช้เข็ม/เข็มทู่
- รู้สึกตึง เจ็บเล็กน้อย หรือมีรอยเขียวช้ำ:
- เกิดจากรอยเข็มหรือเส้นเลือดฝอยแตก
- อาการเหล่านี้จะหายภายใน 3-7 วัน
- ปากบวมไม่เท่ากัน:
- มักเกิดในช่วงวันแรกหลังฉีด ยังไม่ใช่โปรแกรมฟิลเลอร์เซ็ตตัวเต็มที่
- ควรรอดูประมาณ 5-7 วันก่อนประเมินผลลัพธ์จริง
- หากบวมมาก แข็งแดง ปวด หรือมีตุ่มขาวซีด:
- อาจเป็นสัญญาณของการ อุดตันของเส้นเลือด (Vascular occlusion) ซึ่งเป็นภาวะฉุกเฉินต้องรีบติดต่อแพทย์ทันที
หลังฉีดโปรแกรมฟิลเลอร์ปากอาการบวมแบบไหนที่ควรพบแพทย์ ?
ปากบวมมากผิดปกติ บวมใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ
ถ้าปากดูบวมตุ่ยเกินไป หรือบวมมากขึ้นแทนที่จะค่อยๆ ยุบ แนะนำให้ระวังไว้ก่อนเลยครับ เพราะอาจเกิดจากการแพ้โปรแกรมฟิลเลอร์ หรือการอักเสบภายใน
อย่ารอให้บวมจนปากเบี้ยว ควรรีบให้แพทย์ตรวจดูทันทีเพื่อความปลอดภัยครับ
ปวดแดง ร้อน และเจ็บลึกกว่าปกติ
ถ้ารู้สึกปวดแปลบๆ หรือเจ็บแบบลึกๆ ร่วมกับปากแดงและรู้สึกอุ่นๆ ที่ผิว อาจเป็นสัญญาณของการติดเชื้อได้
อาการแบบนี้ไม่ควรรอดูเอง ควรให้แพทย์ช่วยเช็กโดยเร็วครับ
มีจุดซีดหรือม่วงคล้ำบริเวณริมฝีปาก
ถ้าปากมีรอยซีดขาว หรือเป็นจ้ำม่วงคล้ำ โดยเฉพาะถ้าเกิดทันทีหลังฉีด อันนี้อันตรายมาก อาจเป็นภาวะเส้นเลือดอุดตัน
ต้องรีบพบแพทย์เพื่อฉีดสลายโปรแกรมฟิลเลอร์ก่อนที่เนื้อเยื่อจะขาดเลือดและตายครับ
รู้สึกชาหรือแสบผิดปกติที่ริมฝีปาก
ถ้ามีอาการชาหรือแสบแบบแปลกๆ หลังฉีด โดยเฉพาะบริเวณที่ไม่ได้ฉีด หรือรู้สึกเสียว ๆ ไม่สบายตัว
อาจเกิดจากโปรแกรมฟิลเลอร์กดทับเส้นประสาท ต้องให้แพทย์ประเมินว่าเป็นเรื่องเล็กหรือควรแก้ไขครับ
บวมไม่ลดลงภายใน 3–5 วัน หรืออาการแย่ลง
ปกติอาการบวมควรจะค่อยๆ ดีขึ้นภายในไม่กี่วัน แต่ถ้าเลย 3–5 วันแล้วยังบวมไม่หาย หรือเริ่มเจ็บมากขึ้น อันนี้ไม่ปกติแล้วครับ
ควรรีบเข้าคลินิกให้แพทย์เช็กด่วน ป้องกันไม่ให้ปัญหาลุกลาม
บทความน่าสนใจ ฉีดไขมันหน้า อันตรายไหม เจาะลึก ข้อดี ข้อเสียของการฉีดไขมันหน้า
วิธีลดบวมหลังฉีดโปรแกรมฟิลเลอร์ปาก
- ประคบเย็นในช่วง 24 ชั่วโมงแรก
ใช้เจลประคบเย็นหรือห่อน้ำแข็งด้วยผ้าสะอาด ประคบบริเวณรอบปากเบาๆ ช่วยลดอาการบวมและอักเสบ อย่าวางน้ำแข็งโดยตรงบนผิว เพราะอาจทำให้ผิวไหม้จากความเย็นได้ - หลีกเลี่ยงการจับหรือกดปากแรงๆ
อย่าเผลอจับ นวด หรือกดปากโดยไม่จำเป็น เพราะอาจทำให้โปรแกรมฟิลเลอร์เคลื่อน หรือกระตุ้นให้เกิดอาการบวมมากขึ้น ช่วงนี้ควรแตะเบาๆ เท่าที่จำเป็น และปล่อยให้โปรแกรมฟิลเลอร์เซ็ตตัวเองดีที่สุด - นอนหัวสูงกว่าระดับหัวใจในคืนแรก
แนะนำให้นอนหนุนหมอนสูงเล็กน้อย เพื่อลดแรงดันเลือดที่ไหลมาที่ใบหน้า ซึ่งช่วยลดบวมได้ดี
หลีกเลี่ยงการนอนคว่ำหรือนอนตะแคงในช่วง 2-3 วันแรกหลังฉีด - งดของร้อนจัด แอลกอฮอล์ และอาหารเผ็ด
เพราะความร้อนและเครื่องดื่มแอลกอฮอล์อาจทำให้เส้นเลือดขยายตัวมากขึ้น ทำให้บวมช้ำมากกว่าเดิม ควรเลือกทานอาหารเย็นๆ จืดๆ ไปก่อนสัก 1-2 วัน - ดื่มน้ำมากๆ และพักผ่อนให้เพียงพอ
การดื่มน้ำช่วยให้ร่างกายฟื้นตัวได้เร็ว และทำให้โปรแกรมฟิลเลอร์เข้าที่ได้ดีขึ้น และอย่าลืมพักผ่อนให้เพียงพอ เพราะร่างกายจะซ่อมแซมตัวเองได้ดีที่สุดตอนนอน - หลีกเลี่ยงการออกกำลังกายหนักใน 2 วันแรก
เหงื่อและการเคลื่อนไหวเยอะๆ อาจกระตุ้นการไหลเวียนเลือดมากเกินไป ทำให้บวมช้ำเพิ่ม
หากอยากขยับร่างกาย แนะนำให้เดินเบาๆ หรือยืดเหยียดเบาๆ แทน - อย่าเพิ่งแต่งหน้าหรือทาลิปสติกใน 24 ชม. แรก
เพราะสารเคมีหรือแบคทีเรียจากเครื่องสำอางอาจก่อให้เกิดการระคายเคืองหรืออักเสบ
ควรรอให้แผลปิดสนิท และร่างกายฟื้นตัวก่อนค่อยกลับมาแต่งเต็มอีกครั้ง
หลังฉีดโปรแกรมฟิลเลอร์ปาก ดูแลตัวเองอย่างไรให้โปรแกรมฟิลเลอร์เข้าที่ไวและอยู่ได้นาน?
- หลีกเลี่ยงการจับ นวด หรือกดริมฝีปากแรงๆ ในช่วง 48 ชั่วโมงแรก
หลังฉีดโปรแกรมฟิลเลอร์ ร่างกายต้องการเวลาให้โปรแกรมฟิลเลอร์เซ็ตตัวเข้าที่อย่างเป็นธรรมชาติ การจับ บีบ หรือนวดแรงๆ อาจทำให้โปรแกรมฟิลเลอร์เคลื่อนออกจากตำแหน่งที่แพทย์ตั้งใจไว้ ส่งผลให้รูปปากดูไม่สมดุลหรือผิดรูปได้ แนะนำให้แตะหรือเช็ดบริเวณริมฝีปากเบาๆ เท่าที่จำเป็น และหลีกเลี่ยงการนอนคว่ำหรือนอนตะแคงทับปากช่วงแรกๆ ด้วยครับ - งดใช้ลิปสติก ลิปมัน หรือแต่งหน้าบริเวณปากภายใน 24 ชั่วโมงแรก
หลังฉีดผิวบริเวณริมฝีปากจะบอบบางกว่าปกติ และอาจมีรูเข็มเล็กๆ จากการฉีด หากทาเครื่องสำอางทันที อาจเสี่ยงต่อการติดเชื้อหรือระคายเคืองจากสารเคมีได้ เพื่อความปลอดภัยแนะนำให้เว้นการใช้ผลิตภัณฑ์ตกแต่งริมฝีปากอย่างน้อย 1 วัน และเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่อ่อนโยนเมื่อกลับมาใช้งาน - ประคบเย็นในช่วง 24 ชั่วโมงแรกหลังฉีด
หากรู้สึกว่ามีอาการบวมหรือรู้สึกตึงๆ สามารถใช้ผ้าห่อน้ำแข็ง หรือเจลเย็นมาประคบบริเวณรอบริมฝีปาก (หลีกเลี่ยงการวางน้ำแข็งโดยตรง) การประคบเย็นจะช่วยลดอาการบวมและอักเสบจากการฉีด ทำให้ผิวฟื้นตัวเร็วขึ้นและโปรแกรมฟิลเลอร์เข้าที่ได้ไวกว่าเดิม - ดื่มน้ำให้มากกว่าปกติในช่วง 3-5 วันแรก
โปรแกรมฟิลเลอร์ประเภทไฮยาลูรอนิคแอซิด (HA) มีคุณสมบัติดูดซับน้ำได้ดี การดื่มน้ำอย่างเพียงพอจะช่วยให้โปรแกรมฟิลเลอร์ฟูตัวขึ้นอย่างสวยงาม ดูชุ่มชื้นและธรรมชาตินอกจากนี้ น้ำยังช่วยกระตุ้นการไหลเวียนโลหิตและกระบวนการฟื้นตัวของร่างกายอีกด้วย - นอนหนุนหมอนสูง และพยายามนอนหงายในช่วงคืนแรกๆ
การนอนหนุนหมอนสูงเล็กน้อยจะช่วยให้ของเหลวในร่างกายไม่คั่งที่ใบหน้า ลดโอกาสบวมได้ดี
พยายามหลีกเลี่ยงการนอนคว่ำหรือตะแคงที่อาจไปกดโปรแกรมฟิลเลอร์โดยตรง ซึ่งอาจทำให้โปรแกรมฟิลเลอร์เคลื่อนหรือจัดเรียงผิดตำแหน่งได้ - งดอาหารรสจัด เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และของร้อนจัดเป็นเวลา 48 ชั่วโมง
อาหารร้อนและเครื่องดื่มแอลกอฮอล์จะทำให้เส้นเลือดขยายตัว อาจทำให้เกิดอาการบวมช้ำมากขึ้น หรือทำให้โปรแกรมฟิลเลอร์เซ็ตตัวยากขึ้น
ในช่วงนี้ควรเลือกรับประทานอาหารอ่อนๆ รสไม่จัด เพื่อให้ร่างกายฟื้นตัวได้ดีโดยไม่มีสิ่งกระตุ้น - งดออกกำลังกายหนัก หรือกิจกรรมที่ทำให้ร่างกายร้อนจัดในช่วง 2 วันแรก
การออกกำลังกายหนักจะทำให้หัวใจเต้นแรงและเลือดสูบฉีดมากขึ้น ซึ่งอาจกระทบต่อการจัดเรียงของโปรแกรมฟิลเลอร์ และอาจทำให้บวมมากขึ้น
ถ้าอยากขยับร่างกายเบาๆ แนะนำให้เดินช้าๆ หรือยืดเส้นเบาๆ แทน และกลับไปออกกำลังกายตามปกติได้หลังจากโปรแกรมฟิลเลอร์เข้าที่แล้ว - หมั่นสังเกตอาการผิดปกติ เช่น ปวดมากขึ้น ปากซีด มีจุดขาว หรือรู้สึกชา
ถ้ามีอาการผิดปกติที่ไม่ควรเกิด เช่น ปวดรุนแรง ปากบวมไม่ลด ซีดชาขาว หรือมีจุดแข็ง ๆ ใต้ผิว ควรรีบปรึกษาแพทย์ทันที เพราะอาจเป็นสัญญาณของภาวะแทรกซ้อน เช่น เส้นเลือดอุดตัน
การตรวจพบเร็วจะช่วยให้สามารถรักษาและจัดการได้ทันท่วงที ไม่กระทบต่อผลลัพธ์ระยะยาว
อาหารที่ควรหลีกเลี่ยงหลังฉีดโปรแกรมฟิลเลอร์ปาก
1. อาหารร้อนจัด เช่น ชาบู หม้อไฟ ซุปเดือด
อาหารที่มีอุณหภูมิสูงมากๆ อาจทำให้หลอดเลือดบริเวณริมฝีปากขยายตัว ส่งผลให้อาการบวมแดงหลังฉีดรุนแรงขึ้น นอกจากนี้ความร้อนยังอาจเร่งให้โปรแกรมฟิลเลอร์เคลื่อนไหวหรือเซ็ตตัวไม่สม่ำเสมอ
🔸 ควรเลือกอาหารอุ่นๆ หรือเย็นๆ ในช่วง 1–2 วันแรก เพื่อให้ปากฟื้นตัวได้เต็มที่
2. อาหารเผ็ดร้อน เช่น ส้มตำ ต้มยำ หรืออาหารที่ใส่พริกเยอะ
อาหารรสจัดมักทำให้เส้นเลือดบริเวณใบหน้าขยายตัวมากขึ้น ส่งผลให้เกิดอาการบวม ช้ำ หรือระคายเคืองได้ง่าย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในคนที่มีผิวแพ้ง่าย อาจเกิดอาการแสบร้อนที่ริมฝีปากได้อีกด้วย
🔸 ควรงดอาหารเผ็ดอย่างน้อย 2-3 วัน เพื่อให้ริมฝีปากฟื้นตัวอย่างสมบูรณ์
3. ของหมักดอง เช่น ปลาร้า มะม่วงดอง กิมจิ หรือผักดอง
ของหมักมักมีแบคทีเรียหรือจุลินทรีย์บางชนิดที่แม้ไม่เป็นอันตรายต่อคนปกติ แต่ในช่วงที่มีแผลหรือรูเข็มจากการฉีด อาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการติดเชื้อได้
🔸 เลือกรับประทานอาหารสด ปรุงสุกใหม่ๆ จะปลอดภัยกว่าช่วงหลังทำทันที
4. อาหารแข็ง เหนียว หรือกรอบเกินไป เช่น หมูกรอบ หมูแดดเดียว ข้าวเกรียบ
อาหารที่ต้องใช้แรงเคี้ยวเยอะอาจกระตุ้นการเคลื่อนไหวของกล้ามเนื้อรอบปากมากเกินไป ทำให้โปรแกรมฟิลเลอร์เคลื่อนออกจากจุดที่ฉีด หรือเกิดการบวมซ้ำ
🔸 เลือกทานอาหารอ่อน เคี้ยวง่าย เช่น โจ๊ก ข้าวต้ม หรือซุป จะดีกว่าในช่วงแรก
5. อาหารเค็มจัด เช่น มาม่า บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป อาหารแปรรูป
โซเดียมในอาหารเค็มทำให้ร่างกายกักเก็บน้ำมากขึ้น ซึ่งส่งผลต่อการบวมของริมฝีปากโดยตรง โดยเฉพาะในคนที่มีแนวโน้มบวมน้ำง่ายอยู่แล้ว
🔸 ลดปริมาณเกลือชั่วคราว จะช่วยให้โปรแกรมฟิลเลอร์เข้ารูปเร็วขึ้น
โปรแกรมฟิลเลอร์รุ่นไหนเหมาะกับการฉีดปาก?
✅ ควรเลือกโปรแกรมฟิลเลอร์ที่มีคุณสมบัติดังนี้:
- เนื้อนิ่ม ปรับเข้ากับการเคลื่อนไหวของปากได้ดี
เพราะปากเป็นบริเวณที่เราพูด กิน ยิ้มตลอดเวลา โปรแกรมฟิลเลอร์ที่แข็งเกินไปจะทำให้รู้สึกเป็นก้อนหรือไม่เป็นธรรมชาติ - มีความยืดหยุ่นสูง (Flexibility)
เพื่อให้รูปปากเคลื่อนไหวได้อย่างลื่นไหล ไม่แข็งตึง ดูเป็นธรรมชาติ - ไม่จับตัวเป็นก้อนง่าย และกระจายตัวสม่ำเสมอ
ลดความเสี่ยงปากเป็นก้อนหลังฉีดหรือดูบวมผิดธรรมชาติ
ข้อควรระวังก่อนตัดสินใจฉีดโปรแกรมฟิลเลอร์ปาก
1. ศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับโปรแกรมฟิลเลอร์ให้ดี
ก่อนฉีดควรรู้ว่า โปรแกรมฟิลเลอร์คืออะไร ทำจากอะไร อยู่ได้นานแค่ไหน และเหมาะกับจุดไหนของใบหน้า โดยเฉพาะบริเวณปากที่เคลื่อนไหวบ่อย ต้องใช้โปรแกรมฟิลเลอร์ที่เนื้อนิ่มและยืดหยุ่น อย่าฉีดเพียงเพราะตามเทรนด์ แต่ควรเข้าใจวัตถุประสงค์และผลลัพธ์ที่ต้องการ
2. เลือกโปรแกรมฟิลเลอร์ที่ผ่าน อย. และเป็นของแท้ 100%
โปรแกรมฟิลเลอร์ปลอมอาจมีราคาถูกกว่า แต่เสี่ยงต่อการแพ้ อักเสบ หรือเป็นก้อนใต้ผิวได้ในระยะยาว ควรตรวจสอบกล่องโปรแกรมฟิลเลอร์ หมายเลขล็อต และสติกเกอร์ อย. ให้แน่ใจว่าเป็นของแท้และปลอดภัย
3. เลือกฉีดกับแพทย์ที่มีประสบการณ์ด้านรูปปากโดยเฉพาะ
การฉีดโปรแกรมฟิลเลอร์ปากต้องใช้เทคนิคและความเข้าใจในสรีระปากเป็นพิเศษ หากแพทย์ไม่มีความเชี่ยวชาญ อาจทำให้ปากเบี้ยว ไม่เท่ากัน หรือดูไม่เป็นธรรมชาติ เลือกคลินิกที่มีรีวิวจากผู้ใช้จริง มีตัวอย่างเคสก่อน-หลัง และสามารถให้คำแนะนำอย่างละเอียด
4. หลีกเลี่ยงการฉีดหากอยู่ในภาวะที่ร่างกายไม่พร้อม
หากคุณกำลังป่วย เป็นไข้ มีแผลในปาก หรือติดเชื้อที่ใบหน้า ควรเลื่อนการฉีดออกไปก่อน เพราะอาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการอักเสบหรือแทรกซ้อน และสุขภาพร่างกายที่แข็งแรงจะช่วยให้การฟื้นตัวเป็นไปอย่างราบรื่น
5. ไม่ควรฉีดโปรแกรมฟิลเลอร์ซ้ำบ่อยเกินไปหรือเปลี่ยนแบรนด์มั่ว
การฉีดโปรแกรมฟิลเลอร์มากเกินไป หรือใช้หลายยี่ห้อผสมกันอาจทำให้เกิดการสะสมใต้ผิว หรือเกิดการแพ้แบบ delayed reaction ได้ จำเป็นจะต้องให้แพทย์ประเมินระยะเวลาที่เหมาะสม และวางแผนการดูแลต่อเนื่องอย่างถูกต้อง
6. ตรวจสอบประวัติการแพ้และแจ้งแพทย์ล่วงหน้า
หากคุณเคยแพ้โปรแกรมฟิลเลอร์ ยาชา หรือยาอื่นๆ ควรแจ้งแพทย์ก่อนทำทันที เพื่อให้แพทย์วางแผนป้องกันไว้ล่วงหน้า ที่สำคํญคือความปลอดภัยของคุณต้องมาก่อนเสมอ
7. ตั้งเป้าหมายความงามให้ชัดเจน และเป็นไปได้จริง
ไม่ควรตั้งเป้าว่าต้องเหมือนดาราหรืออินฟลูเอนเซอร์บางคน เพราะรูปปากที่สวยสำหรับแต่ละคนอาจแตกต่างกัน แนะนำให้พูดคุยกับแพทย์ถึงทรงปากที่เหมาะกับโครงหน้าของคุณ เพื่อผลลัพธ์ที่สวยแบบ “เป็นตัวเอง”
ฉีดโปรแกรมฟิลเลอร์ที่ 42G Clinic ดีอย่างไร?
การฉีดโปรแกรมฟิลเลอร์ไม่ใช่แค่เรื่องของความสวยงามเท่านั้น แต่ยังเป็นเรื่องของความปลอดภัย ความชำนาญ และการวางแผนที่แม่นยำ ซึ่งที่ 42G Clinic เราให้ความสำคัญกับทุกขั้นตอน ตั้งแต่การวิเคราะห์ใบหน้าไปจนถึงการเลือกโปรแกรมฟิลเลอร์ที่เหมาะสมกับแต่ละบุคคล เพื่อให้ผลลัพธ์ออกมาสวยอย่างเป็นธรรมชาติ และปลอดภัยสูงสุด
✅ วิเคราะห์ใบหน้าอย่างละเอียดก่อนทำ
ก่อนฉีดโปรแกรมฟิลเลอร์ แพทย์จะประเมินรูปหน้าอย่างละเอียด ไม่ว่าจะเป็นโครงสร้างผิว สัดส่วน ความสมดุล และปัญหาที่ต้องการแก้ไข เช่น ร่องลึก ปากบาง แก้มตอบ หรือคางสั้น เพื่อให้แผนการรักษาเหมาะสมกับแต่ละคนที่สุด
✅ วางแผนจำนวน จุดฉีด และรุ่นโปรแกรมฟิลเลอร์ให้เหมาะกับปัญหา
เราจะไม่ใช้โปรแกรมฟิลเลอร์แบบ “เท่ากันทุกคน” แต่จะคำนวณจำนวนยูนิต จุดฉีด และเลือกรุ่นโปรแกรมฟิลเลอร์ที่มีความยืดหยุ่น เนื้อสัมผัส และความคงตัวที่เหมาะกับบริเวณนั้นๆ เพื่อให้ผลลัพธ์ดูเป็นธรรมชาติ และอยู่ได้นาน
✅ ใช้เทคนิคการฉีดโปรแกรมฟิลเลอร์ที่เหมาะกับรูปหน้าแต่ละคน
แพทย์ของเรามีความชำนาญในการเลือกเทคนิคเฉพาะ เช่น ฉีดชั้นตื้น ชั้นลึก หรือเทคนิค Hybrid เพื่อช่วยยกกระชับ เติมเต็ม หรือปรับมิติหน้าอย่างแม่นยำ
ผลลัพธ์ที่ได้จึงดูละมุน ไม่โป๊ะ ไม่แข็ง ไม่เป็นก้อน
✅ ใช้โปรแกรมฟิลเลอร์แท้ 100% ผ่านมาตรฐาน อย. ไทย
ที่ 42G Clinic เราใช้แต่โปรแกรมฟิลเลอร์แท้จากแบรนด์ชั้นนำ เช่น Juvederm, Restylane, Neuramis ซึ่งผ่านการรับรองจาก อย. และสามารถตรวจสอบล็อตผลิตภัณฑ์ได้จริง
✅ คลินิกสะอาด ได้มาตรฐาน ปลอดเชื้อ
ทุกขั้นตอนทำในห้องหัตถการที่สะอาด ปลอดภัย ใช้อุปกรณ์ปลอดเชื้อ และผ่านการฆ่าเชื้อทุกครั้งก่อนใช้งาน
บรรยากาศคลินิกสวย สงบ ทำให้คุณรู้สึกผ่อนคลายและมั่นใจในความปลอดภัย
✅ ฉีดโดยแพทย์เท่านั้น
ทุกเคสฉีดโดยแพทย์จริง 100% ที่มีประสบการณ์ในการออกแบบรูปหน้าและฉีดโปรแกรมฟิลเลอร์โดยเฉพาะ
ไม่ใช่หมอเงา ไม่ใช่ผู้ช่วย ไม่ใช่พนักงานฉีดแทน ให้คุณมั่นใจได้ว่ารูปหน้าจะออกมาสวยอย่างที่ตั้งใจ และปลอดภัยทุกขั้นตอน
สรุป
การฉีดโปรแกรมฟิลเลอร์ที่ 42G Clinic แตกต่างด้วยการวิเคราะห์ใบหน้าอย่างละเอียด วางแผนการรักษาให้เหมาะกับแต่ละบุคคล ทั้งจำนวน จุดฉีด และเลือกใช้รุ่นโปรแกรมฟิลเลอร์ที่เหมาะสมกับปัญหานั้น ๆ โดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญจะเป็นผู้ลงมือฉีดทุกเคส มั่นใจได้ว่าไม่มีหมอเงาหรือผู้ช่วยทำแทน โปรแกรมฟิลเลอร์ทุกกล่องเป็นของแท้ 100% ผ่าน อย. และตรวจสอบได้จริง อีกทั้งคลินิกยังสะอาด ปลอดเชื้อ และใช้เทคนิคเฉพาะทางที่ช่วยให้ผลลัพธ์ออกมาสวยเป็นธรรมชาติ ไม่โป๊ะ ไม่เป็นก้อน และปลอดภัยในระยะยาว
สนใจปลูกผมถาวร: 42G Clinic ปลูกผม