ปลูกผม แบบไหนดี รู้ทุกเรื่อง! DHI vs FUE ควรเลือกปลูกผมวิธีไหน

ปลูกผม แบบไหนดี รู้ทุกเรื่อง! DHI vs FUE ควรเลือกปลูกผมวิธีไหน
ปลูกผม แบบไหนดี เปรียบเทียบการปลูกผมแบบ DHI vs FUE แบบละเอียด เพื่อการตัดสินใจที่ดีที่สุด มาดูกันว่าเทคนิคไหนเหมาะกับคุณที่สุด!

การปลูกผม คืออะไร? ปลูกผมแบบไหนดี?

การปลูกผมเป็นวิธีที่ช่วยฟื้นฟูผมที่บางหรือหายไปให้กลับมาดกดำอีกครั้ง โดยการย้ายรากผมจากบริเวณที่มีผมหนา เช่น ด้านหลังศีรษะ นำมาปลูกในจุดที่ต้องการ การปลูกผมเป็นวิธีที่มีผลลัพธ์ถาวร และช่วยเพิ่มความมั่นใจให้กับผู้ที่ประสบปัญหาผมบางหรือศีรษะล้าน

อ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับการปลูกผม: 42G Clinic ปลูกผมถาวร

ทำความรู้จักการปลูกผมแบบ DHI

DHI ย่อมาจาก Direct Hair Implantation เป็นเทคนิคใหม่ในการปลูกผม โดยการใช้เครื่องมือเฉพาะที่เรียกว่า “DHI pen” ซึ่งช่วยให้แพทย์สามารถปลูกผมโดยตรงโดยไม่ต้องเจาะหลุมก่อน ทำให้ผลลัพธ์ออกมาดูเป็นธรรมชาติและมีความหนาแน่นสูง

ข้อดี และ ข้อควรระวังของการปลูกผมแบบ DHI

ข้อดี:

  • ไม่ต้องเจาะหลุมก่อนปลูก ทำให้บาดเจ็บน้อย
  • เพิ่มความแม่นยำในการปลูกและทิศทางการงอกของเส้นผม
  • เหมาะกับการปลูกผมบริเวณที่ต้องการความหนาแน่นสูง

ข้อควรระวัง:

  • ค่าใช้จ่ายสูงกว่าเมื่อเทียบกับ FUE
  • ใช้เวลานานกว่าหากต้องการปลูกผมในบริเวณกว้าง

ระยะเวลาในการดำเนินการรักษาและพักฟื้นของ DHI

การปลูกผมด้วย DHI ใช้เวลาในการดำเนินการประมาณ 6-8 ชั่วโมง และการฟื้นตัวจะใช้เวลาประมาณ 7-10 วัน หลังจากนั้นผมจะเริ่มเจริญเติบโตอย่างเป็นธรรมชาติภายใน 3-6 เดือน

ทำความรู้จักการปลูกผมแบบ FUE

FUE หรือ Follicular Unit Extraction เป็นวิธีที่ไม่ต้องผ่าตัด โดยการใช้หัวเจาะขนาดเล็กเจาะและดึงรากผมทีละกอออกมาปลูก สามารถทำได้ทั้งแบบ Shaven FUE (ตัดผมสั้น) และ Long Hair FUE (ปลูกผมโดยไม่ต้องตัดผม) เป็นวิธีที่ได้รับความนิยมเพราะไม่มีแผลเป็นยาว

ข้อดี และ ข้อควรระวังของการปลูกผมแบบ FUE

ข้อดี:

  • ไม่มีแผลเป็นยาว สามารถตัดผมสั้นได้
  • เหมาะกับผู้ที่ต้องการปลูกผมในบริเวณกว้าง
  • ฟื้นตัวไวและดูแลหลังการปลูกง่าย

ข้อควรระวัง:

  • การปลูกในปริมาณมากอาจใช้เวลานาน
  • ต้องทำโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อหลีกเลี่ยงความเสี่ยงเรื่องการปลูกที่ไม่สม่ำเสมอ

ระยะเวลาในการดำเนินการรักษาและพักฟื้นของ FUE

การปลูกผมแบบ FUE ใช้เวลาประมาณ 4-6 ชั่วโมง ขึ้นอยู่กับปริมาณกราฟที่ต้องการฟื้นฟู หลังการปลูกจะใช้เวลาฟื้นตัวประมาณ 5-7 วัน ซึ่งเร็วกว่า DHI เล็กน้อย

การปลูกผมแบบ FUE กับ DHI ต่างกันยังไง?

FUE เน้นการเจาะและดึงรากผมทีละกอ เหมาะกับการปลูกผมในบริเวณกว้าง DHI เน้นการปลูกผมโดยตรงด้วย DHI pen โดยไม่ต้องเจาะหลุมล่วงหน้า ทำให้ผลลัพธ์ดูแน่นและเป็นธรรมชาติ เหมาะกับการปลูกผมในบริเวณที่ต้องการความหนาแน่นสูง

ขั้นตอนการปลูกผม DHI เทียบกับ FUE

  • DHI: ใช้เครื่องมือ DHI pen ทำการปลูกโดยตรง
  • FUE: เจาะและดึงรากผมจากด้านหลังทีละกอ แล้วนำมาปลูกในบริเวณที่ต้องการ

ผู้ที่เหมาะสมสำหรับการปลูกผม: DHI เทียบกับ FUE

DHI (Direct Hair Implantation)

เหมาะสำหรับ:

  • ผู้ที่ต้องการปรับ แนวไรผม หรือ รายละเอียดเล็กน้อย
  • ผู้ที่ต้องการความหนาแน่นสูงและผลลัพธ์ที่ ดูเป็นธรรมชาติ
  • ผู้ที่ไม่ต้องการเจาะหลุมปลูกก่อน ลดการบาดเจ็บและฟื้นตัวเร็ว
  • ผู้ที่มีพื้นที่ปลูกผมเล็ก เช่น บริเวณไรผมหรือคิ้ว

FUE (Follicular Unit Extraction)

เหมาะสำหรับ:

  • ผู้ที่ต้องการปลูกผมใน บริเวณกว้าง เช่น ศีรษะด้านบนหรือด้านหลัง
  • ผู้ที่ต้องการใช้กราฟจำนวนมาก (มากกว่า 2,000 กราฟขึ้นไป)
  • ผู้ที่มีปัญหาผมร่วงระดับ ปานกลางถึงรุนแรง
  • ผู้ที่ไม่ต้องการแผลเป็นยาว และสามารถฟื้นตัวได้ในเวลาอันสั้น

ผลลัพธ์ของการปลูกผม DHI เทียบกับ FUE

การปลูกผมทั้งสองวิธีให้ผลลัพธ์ที่ดี แต่ขึ้นอยู่กับความต้องการของผู้ป่วย DHI ให้ความหนาแน่นสูงและมีทิศทางที่แม่นยำ FUE ให้ความคล่องตัวในการปลูกผมในบริเวณที่กว้างขึ้นเปรียบเทียบผลลัพธ์ DHI และ FUE

  • DHI: ให้ความหนาแน่นสูง เหมาะสำหรับการปลูกไรผมและงานละเอียด
  • FUE: รองรับพื้นที่กว้าง ผลลัพธ์ดูเป็นธรรมชาติ และเหมาะกับการใช้กราฟจำนวนมาก

DHI กับ FUE วิธีไหนดีกว่า?

ทั้งสองวิธีมีข้อดีและข้อเสียที่แตกต่างกัน หากคุณต้องการปลูกผมในบริเวณกว้าง FUE อาจจะเหมาะสมกว่า แต่หากคุณต้องการผลลัพธ์ที่มีความหนาแน่นและธรรมชาติ DHI อาจเป็นตัวเลือกที่ดี

เลือกวิธีไหนดี?

  • หากต้องการ ความหนาแน่นสูง และ ทิศทางเส้นผมที่แม่นยำDHI เหมาะสมกว่า
  • หากต้องการ ปลูกผมในบริเวณกว้างFUE จะตอบโจทย์มากกว่า

 

ราคาการปลูกผมขึ้นอยู่กับปริมาณกราฟที่ต้องการและเทคนิคที่เลือก DHI มักจะมีราคาสูงกว่า FUE เนื่องจากใช้เวลานานและความแม่นยำสูงกว่า

การเตรียมตัวก่อนปลูกผม

  1. แจ้งข้อมูลสุขภาพกับแพทย์
    • แจ้งประวัติสุขภาพ โรคประจำตัว การแพ้ยา และการใช้ยาหรืออาหารเสริม
  2. งดใช้ยาที่มีผลต่อเลือด
    • งดยาแอสไพริน ยาต้านการอักเสบ หรืออาหารเสริมที่มีผลต่อการแข็งตัวของเลือด อย่างน้อย 7 วัน
  3. ดื่มน้ำให้เพียงพอ
    • ดื่มน้ำ 2-3 ลิตรต่อวัน เพื่อเตรียมร่างกายให้พร้อม
  4. งดดื่มแอลกอฮอล์และสูบบุหรี่
    • งดแอลกอฮอล์ 48 ชั่วโมงก่อนการปลูกผม
    • หยุดสูบบุหรี่เพื่อลดความเสี่ยงต่อการฟื้นตัว
  5. พักผ่อนให้เพียงพอ
    • นอนหลับอย่างน้อย 7-8 ชั่วโมงในคืนก่อนวันปลูกผม
  6. รักษาความสะอาด
    • สระผมและทำความสะอาดหนังศีรษะในวันเข้ารับการปลูกผม
    • งดใช้ผลิตภัณฑ์จัดแต่งทรงผม
  7. เตรียมเสื้อผ้าที่ใส่สบาย
    • เลือกเสื้อที่มีกระดุมด้านหน้า เพื่อเลี่ยงการสัมผัสศีรษะ
  8. หลีกเลี่ยงการออกกำลังกายหนัก
    • งดการออกกำลังกายหนัก 24 ชั่วโมงก่อนการปลูกผม
  9. วางแผนการเดินทางและพักฟื้น
    • วางแผนการเดินทางล่วงหน้า และเตรียมตัวสำหรับการพักฟื้น

การดูแลหลังปลูกผม

  1. ปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด
    • รับประทานยาและใช้ผลิตภัณฑ์ตามที่แพทย์สั่ง
    • เข้ารับการตรวจติดตามผลตามนัด
  2. หลีกเลี่ยงการสัมผัสหรือเกาศีรษะ
    • ห้ามสัมผัสหรือเกาบริเวณที่ปลูกผม เพื่อป้องกันกราฟผมหลุด
  3. งดสระผมทันทีหลังปลูกผม
    • งดสระผมใน 48 ชั่วโมงแรก หลังจากนั้นให้ใช้แชมพูสูตรอ่อนโยนตามคำแนะนำของแพทย์
  4. เลี่ยงการออกกำลังกายหรือกิจกรรมหนัก
    • หลีกเลี่ยงการออกกำลังกายหนัก เช่น วิ่งหรือยกของหนัก ในช่วง 7-14 วันแรก
  5. หลีกเลี่ยงการโดนแสงแดดโดยตรง
    • ป้องกันหนังศีรษะจากแสงแดดจัดโดยการใส่หมวกหรือใช้ร่ม
  6. หลีกเลี่ยงการใช้สารเคมีและอุปกรณ์ร้อน
    • งดใช้ผลิตภัณฑ์จัดแต่งทรงผม การย้อมสี หรือการดัดผมอย่างน้อย 1 เดือน
    • งดใช้ไดร์เป่าผมร้อน
  7. ระวังการนอน
    • นอนยกศีรษะให้สูงกว่าลำตัวในช่วง 1-2 สัปดาห์แรก เพื่อลดอาการบวม
  8. หลีกเลี่ยงการดื่มแอลกอฮอล์และสูบบุหรี่
    • งดดื่มแอลกอฮอล์และสูบบุหรี่ เพื่อช่วยการฟื้นฟูของร่างกาย
  9. รับประทานอาหารที่มีประโยชน์
    • เน้นอาหารที่มีโปรตีนสูง วิตามิน และแร่ธาตุ เช่น ผัก ผลไม้ และเนื้อปลา

ปลูกผม แบบไหนดี

ปลูกผม แบบไหนดี ควรเลือกเทคนิคที่เหมาะสมกับความต้องการและไลฟ์สไตล์ของคุณ หากคุณต้องการความหนาแน่นสูง DHI อาจเป็นทางเลือกที่ดี แต่หากต้องการปลูกในบริเวณที่กว้างและมีความยืดหยุ่น FUE อาจเหมาะสมกว่า

ทำไมต้องปลูกผมที่ 42G

42G มีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญและเทคโนโลยีที่ทันสมัยที่สุดในไทย ไม่ว่าจะเป็น DHI vs FUE ทางเราพร้อมให้คำแนะนำและดูแลเพื่อผลลัพธ์ที่คุณพึงพอใจที่สุด พร้อมทั้งมีการดูแลเส้นผมอย่างครบวงจรรวมถึงการฉายแสงสีแดง (LLLT) และ PRP ซึ่งสามารถสร้างความอ่อนเยาว์ให้ใบหน้าได้อีกด้วย 

อ่านเพิมเติมเกี่ยวกับการติมไขมันผสมกับเทคนิค Reju Fat: การเติมไขมันหน้าเทคนิค Reju Fat

Facebook
Pinterest
Email

บทความล่าสุด

ปรึกษาแพทย์ฟรี

สอบถามเพิ่มเติมกับทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญและมากประสบการณ์ เกี่ยวกับบริการศัลยกรรมความงามหลากหลายรูปแบบ ที่เน้นคุณภาพและการดูแลอย่างใส่ใจในทุกขั้นตอน