การปลูกผม คืออะไร? ปลูกผมแบบไหนดี?
การปลูกผมเป็นวิธีที่ช่วยฟื้นฟูผมที่บางหรือหายไปให้กลับมาดกดำอีกครั้ง โดยการย้ายรากผมจากบริเวณที่มีผมหนา เช่น ด้านหลังศีรษะ นำมาปลูกในจุดที่ต้องการ การปลูกผมเป็นวิธีที่มีผลลัพธ์ถาวร และช่วยเพิ่มความมั่นใจให้กับผู้ที่ประสบปัญหาผมบางหรือศีรษะล้าน
อ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับการปลูกผม: 42G Clinic ปลูกผมถาวร
ทำความรู้จักการปลูกผมแบบ DHI
DHI ย่อมาจาก Direct Hair Implantation เป็นเทคนิคใหม่ในการปลูกผม โดยการใช้เครื่องมือเฉพาะที่เรียกว่า “DHI pen” ซึ่งช่วยให้แพทย์สามารถปลูกผมโดยตรงโดยไม่ต้องเจาะหลุมก่อน ทำให้ผลลัพธ์ออกมาดูเป็นธรรมชาติและมีความหนาแน่นสูง
ข้อดี และ ข้อควรระวังของการปลูกผมแบบ DHI
ข้อดี:
- ไม่ต้องเจาะหลุมก่อนปลูก ทำให้บาดเจ็บน้อย
- เพิ่มความแม่นยำในการปลูกและทิศทางการงอกของเส้นผม
- เหมาะกับการปลูกผมบริเวณที่ต้องการความหนาแน่นสูง
ข้อควรระวัง:
- ค่าใช้จ่ายสูงกว่าเมื่อเทียบกับ FUE
- ใช้เวลานานกว่าหากต้องการปลูกผมในบริเวณกว้าง
ระยะเวลาในการดำเนินการรักษาและพักฟื้นของ DHI
การปลูกผมด้วย DHI ใช้เวลาในการดำเนินการประมาณ 6-8 ชั่วโมง และการฟื้นตัวจะใช้เวลาประมาณ 7-10 วัน หลังจากนั้นผมจะเริ่มเจริญเติบโตอย่างเป็นธรรมชาติภายใน 3-6 เดือน
ทำความรู้จักการปลูกผมแบบ FUE
FUE หรือ Follicular Unit Extraction เป็นวิธีที่ไม่ต้องผ่าตัด โดยการใช้หัวเจาะขนาดเล็กเจาะและดึงรากผมทีละกอออกมาปลูก สามารถทำได้ทั้งแบบ Shaven FUE (ตัดผมสั้น) และ Long Hair FUE (ปลูกผมโดยไม่ต้องตัดผม) เป็นวิธีที่ได้รับความนิยมเพราะไม่มีแผลเป็นยาว
ข้อดี และ ข้อควรระวังของการปลูกผมแบบ FUE
ข้อดี:
- ไม่มีแผลเป็นยาว สามารถตัดผมสั้นได้
- เหมาะกับผู้ที่ต้องการปลูกผมในบริเวณกว้าง
- ฟื้นตัวไวและดูแลหลังการปลูกง่าย
ข้อควรระวัง:
- การปลูกในปริมาณมากอาจใช้เวลานาน
- ต้องทำโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อหลีกเลี่ยงความเสี่ยงเรื่องการปลูกที่ไม่สม่ำเสมอ
ระยะเวลาในการดำเนินการรักษาและพักฟื้นของ FUE
การปลูกผมแบบ FUE ใช้เวลาประมาณ 4-6 ชั่วโมง ขึ้นอยู่กับปริมาณกราฟที่ต้องการฟื้นฟู หลังการปลูกจะใช้เวลาฟื้นตัวประมาณ 5-7 วัน ซึ่งเร็วกว่า DHI เล็กน้อย
การปลูกผมแบบ FUE กับ DHI ต่างกันยังไง?
FUE เน้นการเจาะและดึงรากผมทีละกอ เหมาะกับการปลูกผมในบริเวณกว้าง DHI เน้นการปลูกผมโดยตรงด้วย DHI pen โดยไม่ต้องเจาะหลุมล่วงหน้า ทำให้ผลลัพธ์ดูแน่นและเป็นธรรมชาติ เหมาะกับการปลูกผมในบริเวณที่ต้องการความหนาแน่นสูง
ขั้นตอนการปลูกผม DHI เทียบกับ FUE
- DHI: ใช้เครื่องมือ DHI pen ทำการปลูกโดยตรง
- FUE: เจาะและดึงรากผมจากด้านหลังทีละกอ แล้วนำมาปลูกในบริเวณที่ต้องการ
ผู้ที่เหมาะสมสำหรับการปลูกผม: DHI เทียบกับ FUE
DHI (Direct Hair Implantation)
เหมาะสำหรับ:
- ผู้ที่ต้องการปรับ แนวไรผม หรือ รายละเอียดเล็กน้อย
- ผู้ที่ต้องการความหนาแน่นสูงและผลลัพธ์ที่ ดูเป็นธรรมชาติ
- ผู้ที่ไม่ต้องการเจาะหลุมปลูกก่อน ลดการบาดเจ็บและฟื้นตัวเร็ว
- ผู้ที่มีพื้นที่ปลูกผมเล็ก เช่น บริเวณไรผมหรือคิ้ว
FUE (Follicular Unit Extraction)
เหมาะสำหรับ:
- ผู้ที่ต้องการปลูกผมใน บริเวณกว้าง เช่น ศีรษะด้านบนหรือด้านหลัง
- ผู้ที่ต้องการใช้กราฟจำนวนมาก (มากกว่า 2,000 กราฟขึ้นไป)
- ผู้ที่มีปัญหาผมร่วงระดับ ปานกลางถึงรุนแรง
- ผู้ที่ไม่ต้องการแผลเป็นยาว และสามารถฟื้นตัวได้ในเวลาอันสั้น
ผลลัพธ์ของการปลูกผม DHI เทียบกับ FUE
การปลูกผมทั้งสองวิธีให้ผลลัพธ์ที่ดี แต่ขึ้นอยู่กับความต้องการของผู้ป่วย DHI ให้ความหนาแน่นสูงและมีทิศทางที่แม่นยำ FUE ให้ความคล่องตัวในการปลูกผมในบริเวณที่กว้างขึ้นเปรียบเทียบผลลัพธ์ DHI และ FUE
- DHI: ให้ความหนาแน่นสูง เหมาะสำหรับการปลูกไรผมและงานละเอียด
- FUE: รองรับพื้นที่กว้าง ผลลัพธ์ดูเป็นธรรมชาติ และเหมาะกับการใช้กราฟจำนวนมาก
DHI กับ FUE วิธีไหนดีกว่า?
ทั้งสองวิธีมีข้อดีและข้อเสียที่แตกต่างกัน หากคุณต้องการปลูกผมในบริเวณกว้าง FUE อาจจะเหมาะสมกว่า แต่หากคุณต้องการผลลัพธ์ที่มีความหนาแน่นและธรรมชาติ DHI อาจเป็นตัวเลือกที่ดี
เลือกวิธีไหนดี?
- หากต้องการ ความหนาแน่นสูง และ ทิศทางเส้นผมที่แม่นยำ → DHI เหมาะสมกว่า
- หากต้องการ ปลูกผมในบริเวณกว้าง → FUE จะตอบโจทย์มากกว่า
ราคาการปลูกผมขึ้นอยู่กับปริมาณกราฟที่ต้องการและเทคนิคที่เลือก DHI มักจะมีราคาสูงกว่า FUE เนื่องจากใช้เวลานานและความแม่นยำสูงกว่า
การเตรียมตัวก่อนปลูกผม
- แจ้งข้อมูลสุขภาพกับแพทย์
- แจ้งประวัติสุขภาพ โรคประจำตัว การแพ้ยา และการใช้ยาหรืออาหารเสริม
- งดใช้ยาที่มีผลต่อเลือด
- งดยาแอสไพริน ยาต้านการอักเสบ หรืออาหารเสริมที่มีผลต่อการแข็งตัวของเลือด อย่างน้อย 7 วัน
- ดื่มน้ำให้เพียงพอ
- ดื่มน้ำ 2-3 ลิตรต่อวัน เพื่อเตรียมร่างกายให้พร้อม
- งดดื่มแอลกอฮอล์และสูบบุหรี่
- งดแอลกอฮอล์ 48 ชั่วโมงก่อนการปลูกผม
- หยุดสูบบุหรี่เพื่อลดความเสี่ยงต่อการฟื้นตัว
- พักผ่อนให้เพียงพอ
- นอนหลับอย่างน้อย 7-8 ชั่วโมงในคืนก่อนวันปลูกผม
- รักษาความสะอาด
- สระผมและทำความสะอาดหนังศีรษะในวันเข้ารับการปลูกผม
- งดใช้ผลิตภัณฑ์จัดแต่งทรงผม
- เตรียมเสื้อผ้าที่ใส่สบาย
- เลือกเสื้อที่มีกระดุมด้านหน้า เพื่อเลี่ยงการสัมผัสศีรษะ
- หลีกเลี่ยงการออกกำลังกายหนัก
- งดการออกกำลังกายหนัก 24 ชั่วโมงก่อนการปลูกผม
- วางแผนการเดินทางและพักฟื้น
- วางแผนการเดินทางล่วงหน้า และเตรียมตัวสำหรับการพักฟื้น
การดูแลหลังปลูกผม
- ปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด
- รับประทานยาและใช้ผลิตภัณฑ์ตามที่แพทย์สั่ง
- เข้ารับการตรวจติดตามผลตามนัด
- หลีกเลี่ยงการสัมผัสหรือเกาศีรษะ
- ห้ามสัมผัสหรือเกาบริเวณที่ปลูกผม เพื่อป้องกันกราฟผมหลุด
- งดสระผมทันทีหลังปลูกผม
- งดสระผมใน 48 ชั่วโมงแรก หลังจากนั้นให้ใช้แชมพูสูตรอ่อนโยนตามคำแนะนำของแพทย์
- เลี่ยงการออกกำลังกายหรือกิจกรรมหนัก
- หลีกเลี่ยงการออกกำลังกายหนัก เช่น วิ่งหรือยกของหนัก ในช่วง 7-14 วันแรก
- หลีกเลี่ยงการโดนแสงแดดโดยตรง
- ป้องกันหนังศีรษะจากแสงแดดจัดโดยการใส่หมวกหรือใช้ร่ม
- หลีกเลี่ยงการใช้สารเคมีและอุปกรณ์ร้อน
- งดใช้ผลิตภัณฑ์จัดแต่งทรงผม การย้อมสี หรือการดัดผมอย่างน้อย 1 เดือน
- งดใช้ไดร์เป่าผมร้อน
- ระวังการนอน
- นอนยกศีรษะให้สูงกว่าลำตัวในช่วง 1-2 สัปดาห์แรก เพื่อลดอาการบวม
- หลีกเลี่ยงการดื่มแอลกอฮอล์และสูบบุหรี่
- งดดื่มแอลกอฮอล์และสูบบุหรี่ เพื่อช่วยการฟื้นฟูของร่างกาย
- รับประทานอาหารที่มีประโยชน์
- เน้นอาหารที่มีโปรตีนสูง วิตามิน และแร่ธาตุ เช่น ผัก ผลไม้ และเนื้อปลา
ปลูกผม แบบไหนดี
ปลูกผม แบบไหนดี ควรเลือกเทคนิคที่เหมาะสมกับความต้องการและไลฟ์สไตล์ของคุณ หากคุณต้องการความหนาแน่นสูง DHI อาจเป็นทางเลือกที่ดี แต่หากต้องการปลูกในบริเวณที่กว้างและมีความยืดหยุ่น FUE อาจเหมาะสมกว่า
ทำไมต้องปลูกผมที่ 42G
42G มีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญและเทคโนโลยีที่ทันสมัยที่สุดในไทย ไม่ว่าจะเป็น DHI vs FUE ทางเราพร้อมให้คำแนะนำและดูแลเพื่อผลลัพธ์ที่คุณพึงพอใจที่สุด พร้อมทั้งมีการดูแลเส้นผมอย่างครบวงจรรวมถึงการฉายแสงสีแดง (LLLT) และ PRP ซึ่งสามารถสร้างความอ่อนเยาว์ให้ใบหน้าได้อีกด้วย
อ่านเพิมเติมเกี่ยวกับการติมไขมันผสมกับเทคนิค Reju Fat: การเติมไขมันหน้าเทคนิค Reju Fat